Tag Archives: ข้อคิดจากพระคัมภีร์

ปฐมกาล บทที่ 2:18-25 การทรงสร้างผู้หญิง

ปฐมกาล บทที่ 2:18-25 การทรงสร้างผู้หญิง

 

2:18 และพระเยโฮวาห์พระเจ้าตรัสว่า “ซึ่งมนุษย์นั้นอยู่คนเดียวก็ไม่เหมาะ เราจะสร้างผู้ช่วยเหลือสำหรับเขา”
2:19 และพระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงปั้นบรรดาสัตว์ป่าแห่งท้องทุ่ง และบรรดานกในอากาศจากดิน และพาพวกมันมายังอาดัมเพื่อดูว่าเขาจะเรียกชื่อพวกมันว่าอะไร และอาดัมได้เรียกชื่อบรรดาสัตว์ที่มีชีวิตอย่างไร สัตว์ก็มีชื่ออย่างนั้น
2:20 และอาดัมได้ตั้งชื่อบรรดาสัตว์ใช้งาน และนกในอากาศ และบรรดาสัตว์ป่าแห่งท้องทุ่ง แต่ว่าสำหรับอาดัมยังไม่พบผู้ช่วยเหลือสำหรับเขา
2:21 และพระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงกระทำให้อาดัมหลับสนิท และเขาได้หลับสนิท และพระองค์ทรงเอากระดูกซี่โครงอันหนึ่งของเขาออกมา และทรงกระทำให้เนื้อที่ซี่โครงติดกัน
2:22 และกระดูกซี่โครงซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าได้ทรงเอาออกมาจากชายนั้น พระองค์ทรงสร้างให้เป็นหญิงคนหนึ่ง และทรงนำเธอมาให้ชายนั้น
2:23 และอาดัมว่า “บัดนี้ นี่เป็นกระดูกจากกระดูกของเรา และเนื้อจากเนื้อของเรา จะเรียกเธอว่าหญิง เพราะว่าหญิงนี้ออกมาจากชาย
2:24 เหตุฉะนั้น ผู้ชายจะจากบิดาของเขาและมารดาของเขา และจะไปผูกพันอยู่กับภรรยาของเขา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้ออันเดียวกัน”
2:25 และเขาทั้งสองยังเปลือยกายอยู่ ผู้ชายและภรรยาของเขา ก็ยังไม่มีความอาย

(ข้อ 18) พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ตั้งแต่แรกในการสร้างมนุษย์ให้มีความสัมพันธ์กันเองระหว่างมนุษย์ ทรงเล็งเห็นถึงสภาพความเป็นอยู่ที่แท้จริง สภาพจิตใจที่แท้จริงของมนุษย์ว่า จำเป็นต้องมีเพื่อน วงสังคม และสภาพแวดล้อม ที่เขาสามารถปฏิสัมพันธ์ได้ เช่น การพูดคุย การใช้ชีวิตร่วมกัน ดังนั้น พระองค์ไม่ปรารถนาให้มนุษย์อยู่แต่ลำพังผู้เดียว จะเห็นว่าการจัดเตรียมของพระเจ้า ไม่เพียงแค่มุมมองที่สมบูรณ์แบบครบถ้วนทุกมิติของพระเจ้าเท่านั้น แต่ทรงมีมุมมองที่เข้าใจหัวอกของมนุษย์ด้วยเช่นกัน ดังนั้นการจัดเตรียมของพระเจ้า เพื่อเราทั้งหลาย จึงสมบูรณ์ไร้ที่ติ และ ดีอย่างแน่นอน

(ข้อ 19-20) พระเจ้านำสัตว์ทั้งสิ้นที่ทรงปั้นมามอบไว้ให้อาดัม มีส่วนร่วมทั้งในการตั้งชื่อ และ ใช้งานพวกมัน สะท้อนถึง การที่พระเจ้าเลือกมนุษย์ให้มีส่วนร่วมในการถือครอง และ สิทธิอำนาจเหนือบรรดาสัตว์ทั้งสิ้นที่พระเจ้าทรงปั้น ทรงมอบมันทั้งหลายไว้ในมือของมนุษย์ และแน่นอนว่า พระเจ้าไม่ได้ตั้งให้สัตว์สักตัวมีคุณค่า หรือ ความสามารถ เทียบเคียงกับมนุษย์ อาดัมจึงหาคู่จากบรรดาสัตว์เหล่านั้นไม่ได้เลย เพราะไม่มีสิ่งใดเหมาะกับเขา
พระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับมนุษย์ที่มีต่อสัตว์ คือ มีอำนาจในการถือครอง และ ใช้งานพวกมัน ดังนั้นสัตว์จึงไม่สามารถเติมเต็มดวงใจ หรือ ความต้องการของมนุษย์ได้ สัตว์พูดคุยสื่อสารกับเราไม่ได้ มันไม่สามารถแบ่งเบาภาระ ให้ความช่วยเหลือใดๆ กับเราได้ แต่มันมีความสามารถในส่วนที่เราใช้งานมันได้

(ข้อ 21-25) เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะสร้างผู้หญิงให้เป็นคู่อุปถัมภ์ ช่วยเหลือ ผู้ชาย ดังนั้น สถาบันครอบครัวจึงมีจุดเริ่มต้นจากตรงนี้

(ข้อ 21-22) แท้จริงพระเจ้าสามารถสร้างผู้หญิงได้เช่นเดียวกับการสร้างผู้ชาย คือ ระบายลมปราณลงไปเท่านั้น แต่พระองค์ทรงใช้วิธีการดึงกระดูกซี่โครงของชายผู้นั้น นั่นแสดงถึง วัตถุประสงค์เจาะจงสำหรับผู้หญิง
 พระเจ้าสร้างผู้หญิงให้คู่กับผู้ชายอย่างเจาะจง และ เวลาที่ทรงสร้างผู้หญิง ก็ดึงออกจากซี่โครงของผู้ชายในยามหลับสนิท นั่นแปลว่า ไม่ต้องทุกข์ร้อนใดๆ เรื่องคู่ครองเลย เมื่อใดที่สามารถหลับสนิท ไร้ความกังวล ถึงเวลาพระเจ้าจะนำหญิงนั้นที่เกิดจากซี่โครงของชายมามอบให้เอง

(ข้อ 23) พระเจ้าทรงสร้างคู่อัปถัมภ์จากกระดูกของชาย นั่นแสดงว่า
 เป็นของชายนี้อย่างเจาะจง เพราะสร้างมาจากกระดูกของเขาเอง พระเจ้าทรงมอบคู่ของเราแต่ละคนอย่างเจาะจงไว้แล้ว
 ผู้หญิงจะเป็นคู่อุปถัมภ์ ในการสร้างครอบครัว ทำให้ผู้ชายเติบโตจนกลายเป็นผู้นำครอบครัวของตนเองได้ เหตุนี้เอง พระเจ้าจึงให้เขาละบิดามารดา ไม่ใช่ให้ละทิ้งภาระหน้าที่การเป็นลูก แต่ให้เติบโตขึ้นจนกระทั่งเป็นผู้นำครอบครัวของตนเอง

(ข้อ 24) กฎของการสร้างครอบครัว คือ การผูกพันกันระหว่างชายหญิง สามีภรรยา ควรแยกจากบิดามารดา เพื่อสร้างครอบครัวใหม่ของตนเอง

(ข้อ 25) สัญลักษณ์ของการเป็นหนึ่งเดียวกัน ผูกพันกันทางกาย

ข้อคิด

พระเจ้าทรงให้โอกาสอาดัมเลือกภรรยาเอง แต่เขากลับหาไม่ได้จากการทรงสร้างอื่นๆ เลย จนกระทั่งพระเจ้าชักกระดูกของเขาออกมาสร้างเป็นหญิงที่คู่ควรแก่เขา
 พระเจ้าเปิดโอกาสให้เราได้เลือกเสมอ ได้ลองด้วยวิธีการของตนเองเสมอ
 สิ่งที่พระเจ้าสร้าง และ เลือกให้แก่เรา นั้นดีที่สุด สมบูรณ์แบบที่สุด

คำถาม

Q : จะรู้ได้อย่างไรว่าผู้หญิง หรือ ผู้ชายคนนี้ คือ คู่อุปถัมภ์ของตน
A : เมื่อพระเจ้านำหญิงนั้นมาให้ชาย เขาก็ไม่ได้สงสัยว่า หญิงนั้นใช่ของตนหรือไม่ แต่นั่นเป็นสมัยที่ยังไม่เคยมีผู้หญิงมาก่อน และประสบการณ์ของอาดัมในตอนนั้น คือ พบพระเจ้าหน้าต่อหน้า … แน่นอนว่าปัจจุบันโลกเต็มไปด้วยผู้หญิง และ ผู้ชายอย่างมากมาย การตัดสินใจฟันธงตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอ ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง หรือ แม่นยำ แต่การมีประสบการณ์ในหัวใจเรื่องการจัดเตรียมของพระเจ้าเพื่อกันและกัน จะค่อยๆ ทำให้เกิดความมั่นใจได้มากยิ่งขึ้น

 

108271115

15-08-2017

 

 

 

ปฐก.2:1-3 จุดเริ่มต้นของวันสะบาโต

 

ปฐก.2:1-3 จุดเริ่มต้นของวันสะบาโต

2:1 ดังนี้ ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกทรงสร้างขึ้นให้สำเร็จ พร้อมทั้งบรรดาบริวารของฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกนั้น
2:2 และในวันที่เจ็ดพระเจ้าก็เสร็จงานของพระองค์ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำมาแล้วนั้น และในวันที่เจ็ดพระองค์ทรงหยุดพักจากการงานทั้งสิ้นของพระองค์ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำมาแล้วนั้น
2:3 และพระเจ้าทรงอวยพรวันที่เจ็ดและทรงตั้งวันนี้ไว้เป็นวันบริสุทธิ์ เพราะในวันนั้นพระองค์ได้ทรงหยุดพักจากการงานทั้งสิ้นของพระองค์ซึ่งพระเจ้าได้ทรงเนรมิตสร้างไว้และทรงกระทำมาแล้วนั้น

(ข้อ 1) พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งสำเร็จอย่างดี ไร้ที่ติ ไร้จุดบกพร่อง ทั้งโลก ฟ้าสวรรค์ ระบบวงโคจรของแผ่นดิน และสิ่งที่เกี่ยวข้อง เช่น ระบบจักรวาล สภาพภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศ สภาพแวดล้อม ระบอบการดำรงชีพของสรรพสิ่ง
(ข้อ 2) พระเจ้าทรงทำทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จสิ้นในระยะเวลา 6 วัน และทรงหยุดพักในวันที่ 7 นั่นหมายความว่า
1. พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งอย่างดีเลิศแล้ว ตามเวลาที่ทรงกำหนด คือ ในเวลา 6 วัน
2. ในวันที่ 7 ทรงหยุดพัก คือ หยุดจากการทรงสร้างทั้งสิ้น เพื่อชื่นชมสิ่งที่ทรงสร้าง = พระเจ้าทรงชื่นชม และ ใช้เวลากับความงดงามของการทรงสร้างเหล่านั้น
(ข้อ 3) วันที่ 7 มีนัยยะสำคัญ ดังนี้
1. ทรงอวยพรวันที่ 7
2. ทรงตั้งให้เป็นวันบริสุทธิ์ เพราะเป็นวันหยุดพัก

ข้อคิด

1. พระเจ้าทรงกระทำทุกสิ่งทุกอย่างจนเสร็จสิ้นเป็นอย่างดี ไม่ขาดตกบกพร่อง ไร้ตำหนิ แล้วพระองค์จึงทรงหยุดพัก แสดงว่า การทรงสร้างของพระเจ้าจะไม่มีคำว่า “ตำหนิ”
ในนัยยะหนึ่งเมื่อพระเจ้าทรงสร้างเรา แรกเดิมนั้น เราแต่ละคนไร้ตำหนิ ไม่มีจุดบกพร่องใดๆ ในขณะเดียวกัน
อีกนัยยะหนึ่ง การทรงสร้างของพระเจ้าในชีวิตเราแต่ละคนมีกระบวนการ ใช้ระยะเวลา และจะมีเวลาการหยุดพักด้วย ดังนั้น จึงไม่แปลก หากบางช่วงชีวิตพระเจ้าให้เราหยุดพัก เพราะนี่ คือ กระบวนการที่นำสู่ความไร้ตำหนิด้วยเช่นกัน… แน่นอนว่าจะมีบางช่วงเวลาที่พระเจ้าทรงทำงานในชีวิตเรา ยังไม่เสร็จสิ้น ดังนั้น เรามีหน้าที่ให้พระเจ้าทำงานภายในเราอย่างเต็มที่ เมื่อทรงสร้างเสร็จจะทรงให้เราได้หยุดพัก และ ทรงชื่นชมในการทรงสร้างนั้นๆ ในชีวิตเรา

2. พระเจ้าทรงชื่นชมชีวิตของเราเสมอ เหตุนี้เอง ชีวิตเราจึงมีคุณค่า เพราะพระเจ้าทรงใส่ใจทุกรายละเอียด ชื่นชมในฝีพระหัตถ์ของพระองค์ และ ชีวิตคนเรา คือ ฝีพระหัตถ์ชิ้นเอกที่ทรงบรรจงสร้างเป็นอย่างดี จะเห็นได้ว่า พระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งสารพัดที่รายล้อม เพื่อมนุษย์ฉันใด ก็ทรงจัดเตรียมสิ่งต่างๆ เป็นอย่างดี เพื่อเราฉันนั้น ในวันที่ 1 อาจยังมองไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง ยังไม่เข้าใจถึงองค์รวม แต่หากเราไม่เลิกรา เชื่อ และ วางใจในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เราจะได้เห็นสิ่งทรงสร้างอันอัศจรรย์ในชีวิตตนเป็นแน่ๆ

3. พระเจ้าทรงตั้งวันที่ 7 ไว้เป็นวันหยุดพักจากการงานทั้งสิ้น ด้วยการเป็นแบบอย่างในการพัก และ ทรงตั้งไว้ด้วยการอวยพรในวันนั้น ดังนั้น เราจึงควรเดินตามแบบอย่างของพระเจ้า และ ให้น้ำหนักกับสิ่งที่พระเจ้าทรงเห็นชอบ เพื่อพระพรจะมาถึงอย่างเต็มขนาด อีกทั้ง การพักนี้ เป็นสิ่งสำคัญที่พระเจ้าทรงให้น้ำหนัก ให้ความสำคัญ ไว้ตั้งแต่ทรงเริ่มสร้างโลกนี้มาแล้ว เป็นเสมือนรากฐานของแผ่นดินโลกนี้ ควบคู่กับสิ่งอื่นๆ ที่ทรงสร้าง

 

sabbathday

2017-04-29

 

 

ปฐก.1:1 – 26 การทรงสร้างของพระเจ้า

ปฐก.1:1 – 26 การทรงสร้างของพระเจ้า

1:1 ในเริ่มแรกนั้นพระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
1:2 และแผ่นดินโลกนั้นก็ปราศจากรูปร่างและว่างเปล่าอยู่ และความมืดอยู่เหนือผิวของน้ำ และพระวิญญาณของพระเจ้าเคลื่อนไหวอยู่เหนือผิวของน้ำนั้น
1:3 และพระเจ้าตรัสว่า “จงให้มีความสว่าง” และความสว่างก็เกิดขึ้น
1:4 และพระเจ้าทรงเห็นความสว่างนั้นว่า ความสว่างนั้นดี และพระเจ้าทรงแยกความสว่างนั้นออกจากความมืด
1:5 และพระเจ้าทรงเรียกความสว่างนั้นว่าวัน และพระองค์ทรงเรียกความมืดนั้นว่าคืน และมีเวลาเย็นและเวลาเช้าเป็นวันแรก
1:6 และพระเจ้าตรัสว่า “จงให้มีพื้นฟ้าในระหว่างน้ำ และจงให้พื้นฟ้านั้นแยกน้ำออกจากน้ำ”
1:7 และพระเจ้าทรงสร้างพื้นฟ้า และทรงแยกน้ำซึ่งอยู่ใต้พื้นฟ้าจากน้ำซึ่งอยู่เหนือพื้นฟ้า และก็เป็นดังนั้น
1:8 และพระเจ้าทรงเรียกพื้นฟ้าว่าฟ้าสวรรค์ และมีเวลาเย็นและเวลาเช้าเป็นวันที่สอง
1:9 และพระเจ้าตรัสว่า “จงให้น้ำที่อยู่ใต้ฟ้าสวรรค์รวบรวมเข้าอยู่แห่งเดียวกัน และจงให้พื้นดินแห้งปรากฏขึ้น” และก็เป็นดังนั้น
1:10 และพระเจ้าทรงเรียกพื้นดินแห้งว่าแผ่นดิน และที่น้ำรวบรวมเข้าอยู่แห่งเดียวกันว่าทะเล และพระเจ้าทรงเห็นว่าดี
1:11 และพระเจ้าตรัสว่า “จงให้แผ่นดินเกิดต้นหญ้า ต้นผักที่มีเมล็ด และต้นไม้ที่ออกผลที่มีเมล็ดในผลตามชนิดของมันบนแผ่นดิน” และก็เป็นดังนั้น
1:12 และแผ่นดินก็เกิดต้นหญ้า และต้นผักที่มีเมล็ดตามชนิดของมัน และต้นไม้ที่ออกผลที่มีเมล็ดในผลตามชนิดของมัน และพระเจ้าทรงเห็นว่าดี
1:13 และมีเวลาเย็นและเวลาเช้าเป็นวันที่สาม
1:14 และพระเจ้าตรัสว่า “จงให้มีดวงสว่างต่าง ๆ ในพื้นฟ้าแห่งฟ้าสวรรค์เพื่อแยกวันออกจากคืน และเพื่อใช้เป็นหมายสำคัญ และที่กำหนดฤดู และวันและปีต่าง ๆ
1:15 และจงให้เป็นดวงสว่างต่าง ๆ ในพื้นฟ้าแห่งฟ้าสวรรค์เพื่อส่องสว่างบนแผ่นดินโลก” และก็เป็นดังนั้น
1:16 และพระเจ้าได้ทรงสร้างดวงสว่างใหญ่สองดวง ให้ดวงสว่างที่ใหญ่กว่านั้นครองกลางวัน และให้ดวงสว่างที่เล็กกว่าครองกลางคืน พระองค์ทรงสร้างดวงดาวต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน
1:17 และพระเจ้าทรงตั้งดวงสว่างเหล่านี้ไว้ในพื้นฟ้าแห่งฟ้าสวรรค์เพื่อส่องสว่างบนแผ่นดินโลก
1:18 และเพื่อปกครองกลางวันและปกครองกลางคืน และเพื่อแยกความสว่างออกจากความมืด และพระเจ้าทรงเห็นว่าดี
1:19 และมีเวลาเย็นและเวลาเช้าเป็นวันที่สี่
1:20 และพระเจ้าตรัสว่า “จงให้น้ำอุดมบริบูรณ์ไปด้วยสัตว์ที่มีชีวิตแหวกว่ายไปมา และให้มีนกบินไปมาในพื้นฟ้าแห่งฟ้าสวรรค์เหนือแผ่นดินโลก”
1:21 และพระเจ้าได้ทรงสร้างปลาวาฬใหญ่ และบรรดาสัตว์ที่มีชีวิตแหวกว่ายไปมาตามชนิดของมัน ซึ่งเกิดขึ้นบริบูรณ์ในน้ำนั้น และบรรดาสัตว์ที่มีปีกตามชนิดของมัน และพระเจ้าทรงเห็นว่าดี
1:22 และพระเจ้าได้ทรงอวยพรสัตว์เหล่านั้นว่า “จงมีลูกดกและทวีมากขึ้น และจงให้น้ำในทะเลต่าง ๆ บริบูรณ์ไปด้วยสัตว์ และจงให้นกทวีมากขึ้นบนแผ่นดิน”
1:23 และมีเวลาเย็นและเวลาเช้าเป็นวันที่ห้า
1:24 และพระเจ้าตรัสว่า “จงให้แผ่นดินโลกเกิดสัตว์ที่มีชีวิตตามชนิดของมัน สัตว์ใช้งาน และสัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ป่าแห่งแผ่นดินโลกตามชนิดของมัน” และก็เป็นดังนั้น
1:25 และพระเจ้าได้ทรงสร้างสัตว์ป่าแห่งแผ่นดินโลกตามชนิดของมัน และสัตว์ใช้งานตามชนิดของมัน และบรรดาสัตว์ที่เลื้อยคลานบนแผ่นดินโลกตามชนิดของมัน และพระเจ้าทรงเห็นว่าดี
1:26 และพระเจ้าตรัสว่า “จงให้พวกเราสร้างมนุษย์ในแบบพระฉายของพวกเรา เหมือนตามอย่างพวกเรา และให้พวกเขาครอบครองเหนือฝูงปลาในทะเล และเหนือฝูงนกในอากาศ และเหนือสัตว์ใช้งาน และให้เหนือทั่วทั้งแผ่นดินโลก และเหนือบรรดาสัตว์เลื้อยคลานที่คลานไปมาบนแผ่นดินโลก”

(ข้อ 1) พระเจ้าเป็นผู้ทรงสร้างจักรวาลนี้ และทรงริเริ่มสร้างสรรค์จากความว่างเปล่า จากสิ่งที่ไม่มีให้เกิดขึ้น
(ข้อ 2) พระเจ้าทรงอยู่เหนือการทรงสร้างของพระองค์
(ข้อ 3) พระเจ้าทรงสร้างสิ่งต่างๆ ด้วยคำตรัส แค่เพียงทรงตรัสทุกสิ่งก็เกิดขึ้น สิ่งที่ไม่มีก็กลับกลายเป็นมีได้
(ข้อ 4) การทรงสร้างของพระเจ้านั้นดี และไร้ที่ติ
(ข้อ 5) พระเจ้าทรงมีเหตุผลต่อการทรงสร้างของพระองค์เสมอ ทรงตั้งความสว่างไว้ เพื่อกลางวัน และความมืดไว้ เพื่อเวลากลางคืน ทรงแบ่งแยกช่วงเวลาออกจากกันเป็นครั้งแรก ด้วยเวลา เช้า และ เย็น
(ข้อ 6-10) การทรงสร้างของพระเจ้าเป็นแบบครบบริบูรณ์ทุกมิติ รวมถึงการรองรับในอนาคตด้วย (เนื่องจากตอนนั้นยังไม่มีฝน มีแค่ภาคพื้นน้ำมหาสมุทร แต่พระเจ้าทรงสร้างเตรียมไว้แล้ว เพราะอนาคตจะมีฝนตก)
(ข้อ 11-13) พระเจ้าทรงจัดเตรียมระบบนิเวศน์วิทยาไว้ เพื่อรองรับการทรงสร้างต่อๆ มาของพระองค์ อันได้แก่ มนุษย์ สัตว์ และ พืช
(ข้อ 14-19) พระเจ้าทรงสร้างรายละเอียดอื่นๆ บนแผ่นดินนี้ ทุกมิติ ทั้งใต้พิภพ พื้นดิน ฟ้าเบื้องบน ได้แก่ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ อากาศ ดิน น้ำ ลม ไฟ พืชพันธุ์ทั้งสิ้น
(ข้อ 20-25) พระเจ้าเริ่มทรงสร้างสิ่งมีชีวิตตามลำดับ ได้แก่ สัตว์น้ำ สัตว์ปีก และ สัตว์บนดิน
(ข้อ 26) พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ เป็นลำดับสุดท้าย เพื่อให้ครอบครองทุกสิ่งที่ทรงสร้างมาตั้งแต่แรก

ข้อคิด

1. พระเจ้าทรงสร้างสิ่งสารพัดจากสิ่งที่ไม่มีให้กลับกลายเป็นมีได้ และความยิ่งใหญ่ของพระเจ้านั้นมากถึงขนาดแค่ทรงตรัสโลกทั้งใบ จักรวาลทั้งระบบก็เกิดขึ้นได้ และทรงเป็นพระผู้สร้างที่สมบูรณ์ไร้ที่ติ มีลำดับขั้นตอน และ กระบวนการสร้างอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ด้วยการทรงสร้างโลกทั้งใบนี้อย่างดีภายในเวลาเพียงแค่ 6 วัน = พระเจ้าทรงสามารถทำการยิ่งใหญ่ได้อย่างไม่จำกัด เพราะทรงฤทธิ์เดชในการทรงสร้าง และเราทั้งหลายก็เป็นหนึ่งในการทรงสร้างที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าทรงทำไม่ได้

2. ความมีระบบระเบียบของพระเจ้าสำแดงผ่านการทรงสร้าง ที่เป็นขั้นเป็นตอน ทรงเรียงลำดับก่อนหลัง และ มีการตรวจวัดอย่างละเอียดว่า “ดียิ่งนัก” ในทุกสิ่ง นั่นแสดงว่า พระเจ้าไม่ได้ทรงสร้างแบบส่งๆไป แต่ทรงสร้างอย่างบรรจง อย่างงดงาม ไร้ที่ติ ทรงตรวจสอบด้วยพระองค์เองในทุกรายละเอียด = เมื่อพระเจ้าทรงสร้าง หรือ กระทำสิ่งใดๆ ในชีวิตของเรา ย่อมผ่านกระบวนการ “ดียิ่งนักแล้ว”

3. จะเห็นได้ว่า พระเจ้าทรงพระปัญญาสูงสุด มองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง ทรงวางรากฐานแต่ละสิ่ง แม้แต่สิ่งเล็กๆ จนเป็นระบบ และ ออกมาในรูปแบบของระบบนิเวศวิทยา เอการดำรงชีพของมนุษย์ สัตว์ พืช ด้วยสภาพแวดล้อม ทุกรายละเอียด ทุกจุดอย่างครบถ้วน ทุกองค์ประกอบ การทรงสร้างของพระเจ้าไม่ได้บกพร่องเลยแม้แต่น้อย และไม่ได้ด้อยไปเลย สามารถคงทนมาจนถึงปัจจุบัน

4. เราจะค่อยๆ เห็นการเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นทีละวันๆ ที่ทรงสร้าง จากความว่างเปล่า = เราจะค่อยๆ เห็นชีวิต สิ่งต่างๆ รอบตัวของเราชัดเจนมากขึ้น ผ่านกระบวนการสร้างของพระเจ้าในชีวิตเรา ว่า ต้องเป็นขั้นตอน เป็นกระบวนการ จนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ หรือ เรียกว่า “ความไพบูลย์ของพระเจ้า”

5. จะเห็นได้ว่า การทรงสร้างของพระเจ้าแต่ละลำดับขั้น เพื่อจุดประสงค์สุดท้าย คือ ให้มนุษย์ครอบครอง = พระเจ้าทรงจัดเตรียมทุกสิ่งให้แก่มนุษย์เป็นอย่างดี ให้ระบบนิเวศน์ดูแลกันเองได้ หมายถึง พืชพันธุ์จะเจริญงอกงาม เกิดผลออกมาด้วยระบบ น้ำ ดิน ลม และอากาศ ส่วนสัตว์จะได้อาศัยระบบนิเวศน์แรกในการดำรงชีพ เป็นอีกวงโคจรหนึ่ง หรือ อีกระบบนิเวศน์หนึ่งที่ซ้อนขึ้นมา ส่วนมนุษย์ก็จะใช้ระบบนิเวศน์ทั้ง 2 นั้นด้วยการครอบครอง = มนุษย์ไม่ได้เป็นผู้ทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดดอกออกผล หรือ ขยายพันธุ์ แต่เป็นเพราะพระเจ้าทรงทำให้ และ ตั้งให้สิ่งเหล่านั้นเป็นระบบนิเวศน์ที่ออกผล ขยายพันธุ์ด้วยตัวของมันเอง (เปรียบเสมือนการตั้งระบบ automatic ไว้ในโลกนี้อยู่แล้ว)

6. พระคำ ปฐมกาล บทที่ 1 อธิบายให้เราเข้าใจถึงที่มาความเป็นไปของชีวิตเรา อีกทั้งน้ำพระทัยพระเจ้า ผ่านการทรงสร้างที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นสิ่งแรกดั้งเดิมของหัวใจพระเจ้าสำหรับแผ่นดินโลกนี้

7. พระคัมภีร์เริ่มต้นด้วยการทรงสร้างของพระเจ้า และ บรรจบด้วยแผ่นดินสวรรค์ นั่นหมายความว่า พระเจ้าทรงรู้อนาคตทุกอย่าง แต่ดวงพระทัยของพระเจ้ายังคงตั้งมั่นคงที่จะสำแดงให้แก่มนุษยชาติ และพระปัญญาของพระเจ้าได้มีทางออกให้แก่เราทั้งหลาย ด้วยการพิพากษาที่ทรงธรรม ด้วยการสร้างแผ่นดินสวรรค์นิรันดรไว้เรียบร้อยแล้ว

 

world-549425_1280

2017-04-21