พระเจ้าทรงปรากฏพระองค์เอง แก่ผู้ที่เข้าเฝ้า ด้วยพระลักษณะแห่งความสว่าง
และการปรากฏของพระเจ้าในลักษณะแสงสว่างจ้า จะทำให้ผู้ที่พบพระองค์มีประสบการณ์จำนน ดั่งเช่น โมเสส , เซาโล , ยอห์น ยากอบ เปโตร
มีคาห์ 7:18-20
18 ใครเล่าจะเป็นพระเจ้าเหมือนพระองค์ผู้ทรงอภัยบาป
และทรงมองข้ามการทรยศ
ของคนที่เหลืออยู่อันเป็นมรดกของพระองค์ท่าน?
พระองค์ท่านมิได้ทรงพระพิโรธเป็นนิตย์
เพราะพระองค์ท่านพอพระทัยในความรักมั่นคง
19 พระองค์ท่านจะทรงหวนกลับมาเมตตาเราอีก
และจะทรงเหยียบความผิดทั้งหลายของเราไว้
พระองค์จะทรงเหวี่ยงบาปทั้งสิ้นของเรา
ลงไปในที่ลึกของทะเล
20 พระองค์จะทรงสำแดงความสัตย์ซื่อแก่ยาโคบ
และความรักมั่นคงต่ออับราฮัม
ดังที่พระองค์ทรงปฏิญาณต่อบรรพบุรุษของเรา
ตั้งแต่สมัยโบราณกาล
คำสรรเสริญเหล่านั้นจึงมีชีวิต และมีพลัง ด้วยว่าพระองค์ทรงประทับอยู่ ณ ที่แห่งนี้…
สดุดี 99:1-9
1 พระยาห์เวห์ทรงครอบครอง ให้ชนชาติทั้งหลายตัวสั่น
พระองค์ประทับเหนือเครูบ ให้แผ่นดินสั่นสะเทือน
2 พระยาห์เวห์ใหญ่ยิ่งในศิโยน
พระองค์ประทับอยู่สูงเหนือชนชาติทั้งปวง
3 ให้พวกเขายกย่องพระนามอันยิ่งใหญ่และน่าคร้ามกลัวของพระองค์
พระองค์บริสุทธิ์
4 ข้าแต่กษัตริย์ผู้ทรงฤทธานุภาพ ผู้ทรงรักความยุติธรรม
พระองค์ทรงสถาปนาความเที่ยงธรรม
พระองค์ทรงกระทำความยุติธรรม
และความชอบธรรมในยาโคบ
5 จงยกย่องพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา
จงนมัสการที่แท่นรองพระบาทของพระองค์
พระองค์บริสุทธิ์
6 โมเสสและอาโรนอยู่ในพวกปุโรหิตของพระองค์
ซามูเอลอยู่ในพวกที่ทูลออกพระนามของพระองค์ด้วย
ท่านเหล่านั้นได้ร้องทูลพระยาห์เวห์ และพระองค์ทรงตอบท่าน
7 พระองค์ตรัสกับท่านเหล่านั้นจากเสาเมฆ
พวกท่านได้รักษาพระโอวาท
และกฎเกณฑ์ที่พระองค์ประทานแก่ท่าน
8 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์ทรงตอบท่านเหล่านั้น
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ยกโทษท่านเหล่านั้น
แต่ทรงเป็นผู้ตอบแทนการกระทำผิดของท่านเหล่านั้นด้วย
9 จงยกย่องพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา
และจงนมัสการที่ภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์
เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราบริสุทธิ์
ฟิลิปปี 3:13-16
13 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมา แล้วโน้มตัวไปยังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า
14 และข้าพเจ้าบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัลคือการทรงเรียกแห่งเบื้องบนซึ่งมีในพระเยซูคริสต์
15 เพราะฉะนั้น เราที่เป็นผู้ใหญ่แล้วจงคิดอย่างนี้ และถ้าพวกท่านคิดอีกอย่างหนึ่ง พระเจ้าก็จะทรงให้เรื่องนี้ประจักษ์แก่ท่านด้วย
16 อย่างไรก็ตาม เราได้แค่ไหนแล้ว ก็จงดำเนินตามนั้นต่อไป
มัทธิว 4:3-11
3 ส่วนผู้ทดลองมาหาพระองค์ทูลว่า “ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้กลายเป็นขนมปัง”
4 พระองค์ตรัสตอบว่า “มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า
‘มนุษย์จะดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียวไม่ได้
แต่ต้องดำรงชีวิตด้วยพระวจนะทุกคำ
ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า’ ”
5 แล้วมารก็นำพระองค์ไปยังนครบริสุทธิ์ และให้พระองค์ประทับที่ยอดหลังคาพระวิหาร
6 แล้วทูลพระองค์ว่า “ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงกระโดดลงไป เพราะพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า
‘พระเจ้าจะรับสั่งเรื่องท่านต่อบรรดาทูตสวรรค์ของพระองค์
และทูตสวรรค์จะเอามือประคองชูท่านไว้
ไม่ให้เท้าของท่านกระทบหิน’ ”
7 พระเยซูจึงตรัสตอบว่า “พระคัมภีร์มีเขียนไว้อีกว่า ‘อย่าทดลององค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่าน’ ”
8 อีกครั้งหนึ่งมารได้นำพระองค์ขึ้นไปบนภูเขาที่สูงมาก และได้แสดงบรรดาราชอาณาจักรในโลก ทั้งความรุ่งโรจน์ของราชอาณาจักรเหล่านั้นให้พระองค์ทอดพระเนตร
9 แล้วได้ทูลพระองค์ว่า “ถ้าท่านจะก้มลงนมัสการเรา เราจะให้สิ่งทั้งปวงเหล่านี้แก่ท่าน”
10 พระเยซูจึงตรัสตอบว่า “จงไปให้พ้น เจ้าซาตาน เพราะพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า
‘จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่าน
และปรนนิบัติพระองค์ แต่ผู้เดียว’ ”
11 แล้วมารจึงไปจากพระองค์ และมีพวกทูตสวรรค์มาปรนนิบัติพระองค์
พระคริสต์ทรงเป็นที่ปรารถนาแห่งจิตใจและดวงจิต อย่าให้สิ่งต่างๆ บดบังการเข้าหาพระเจ้า แล้วทำให้หลงทิศ คิดว่า ปัญหา และอุปสรรค คือ พระคริสต์
เพราะเมื่อทุ่มเทดวงใจไปที่ใด ย่อมยินดีทุ่มเททั้งสิ้นที่มีอยู่เพื่อสิ่งนั้น… และการทุ่มเทที่จะไม่ไร้ผล คือ การทุ่มเทลงที่พระองค์ผู้ทรงตอบแทนเรา
ลูกา 7:23 23 “ใครไม่มีเหตุสะดุดในตัวเรา คนนั้นก็เป็นสุข”
เพราะพระคุณพระเจ้าที่หลั่งไหลเพื่อคนบาปนั้นมากมายเกินบรรยาย จึงได้แต่นั่งลงที่แทบพระบาท แล้ว จุบแทบพระบาท เพื่อเทออกถึงดวงใจที่ปรารถนาองค์พระผู้เป็นเจ้า
หลายครั้งเมื่อไม่มีคำบรรยายใดๆ แต่หัวใจกลับเต็มล้นไปด้วยพระคุณ และ ความรักของพระคริสต์ จึงทำให้สิ่งที่ทำนั้น เพื่อแสดงถึงพระองค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วย รัก เมตตา และพระคุณ
ลูกา 7:36-50
36 มีคนหนึ่งในพวกฟาริสีเชิญพระองค์ไปรับประทานอาหารกับเขา พระองค์ก็เสด็จเข้าไปในบ้านของฟาริสีคนนั้น แล้วเอนพระกายที่โต๊ะอาหาร
37 นี่แน่ะ มีหญิงคนหนึ่งในเมืองนั้นซึ่งเป็นคนบาป เมื่อรู้ว่าพระองค์กำลังเสวยอาหารอยู่ในบ้านของฟาริสีคนนั้น นางจึงนำผอบน้ำมันหอมมา
38 ยืนอยู่ข้างหลังใกล้พระบาทของพระองค์ แล้วร้องไห้น้ำตานองเปียกพระบาท นางจึงใช้ผมเช็ด จูบพระบาทของพระองค์แล้วเอาน้ำมันชโลม
39 ฟาริสีคนที่เชิญพระองค์มาเมื่อเห็นแล้วก็นึกในใจว่า “ถ้าท่านผู้นี้เป็นผู้เผยพระวจนะ ก็น่าจะรู้ว่าผู้หญิงที่แตะต้องตัวของท่านเป็นใครและเป็นคนอย่างไร เพราะนางเป็นคนบาป”
40 พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ซีโมน เรามีอะไรจะบอกท่าน” เขาทูลว่า “ท่านอาจารย์ เชิญพูดไปเถิด”
41 พระองค์จึงตรัสว่า “เจ้าหนี้คนหนึ่งมีลูกหนี้สองคน คนหนึ่งเป็นหนี้เงินห้าร้อยเดนาริอัน อีกคนหนึ่งเป็นหนี้ห้าสิบ
42 เมื่อเขาไม่สามารถใช้หนี้ได้ ท่านจึงยกหนี้ให้เขาทั้งสองคน ในสองคนนั้น คนไหนจะรักนายมากกว่า?”
43 ซีโมนจึงทูลว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะเป็นคนที่นายยกหนี้ให้มาก” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านตัดสินได้ถูกต้อง”
44 พระองค์จึงทรงเหลียวหลังดูหญิงคนนั้น แล้วตรัสกับซีโมนว่า “ท่านเห็นหญิงคนนี้ใช่ไหม? เมื่อเราเข้ามาในบ้านของท่าน ท่านไม่ได้เอาน้ำมาล้างเท้าให้เรา แต่นางเอาน้ำตาล้างเท้าของเรา และเอาผมของนางเช็ด
45 ท่านไม่ได้จูบเรา แต่หญิงคนนี้ไม่ได้หยุดจูบเท้าของเราเลยนับตั้งแต่เราเข้ามา
46 ท่านไม่ได้เอาน้ำมันมาชโลมศีรษะของเรา แต่นางเอาน้ำมันหอมมาชโลมเท้าของเรา
47 เพราะฉะนั้นเราบอกท่านว่าบาปต่างๆ ของนางซึ่งมีมากมายนั้นได้รับการยกโทษแล้วเพราะนางรักมาก แต่คนที่ได้รับการยกโทษน้อยก็รักน้อย”
48 พระองค์จึงตรัสกับนางว่า “บาปของเธอได้รับการยกโทษแล้ว”
49 บรรดาคนที่ร่วมเอนกายที่โต๊ะอาหารด้วยก็พูดกันว่า “คนนี้เป็นใครกันถึงยกโทษบาปได้?”
50 พระองค์จึงตรัสกับหญิงคนนั้นว่า “ความเชื่อของเธอทำให้เธอรอด จงไปเป็นสุขเถิด”